ญี่ปุ่น เริ่มใช้มาตรการ อ่านชื่อประณาม ประชาชนที่ละเมิดคำสั่งกักตัว หลังเดินทางกลับประเทศ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ทางการญี่ปุ่นได้เริ่มใช้มาตรการใหม่ในการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อเป็นการลงโทษประชาชนที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศและละเมิดฝ่าฝืนคำสั่งกักตัว
โดยมาตรการดังกล่าวคือการอ่านชื่อประณามออกสู่สาธารณะชน
ซึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุขได้เอ่ยชื่อของประชาชนจำนวนสามคนที่ละเมิดคำสั่งดังกล่าว พร้อมระบุว่าทั้งสามหลีกเลี่ยงที่จะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ หลังจากที่พวกเขาเดินทางกลับมาถึงประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก รวมถึงมีการขุดคุ้ยถึงตัวตนของผู้ถูกประณาม เช่น อาชีพการงาน ที่อยู่ เป็นต้น ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นได้สั่งให้ประชาชนทุกคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศให้เข้ากักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน พร้อมสั่งให้เปิดโลเคชั่นติดตามตัว และ รายงานสุขภาพกับทางการเป็นระยะๆ
อู่ฮั่น สั่งตรวจหา โควิด แบบปูพรมกับประชากรทุกคนภายในเมือง หลังพบประชากรติดเชื้อจากในชุมชนทั้งหมด 7 ราย ถือเป็นการติดเชื้อในชุมชนครั้งแรกรอบปี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ทางการจีนได้ออกมาประกาศว่าจะทำการตรวจหาเชื้อประชากรทุกคนที่อาศัยในเมืองอู่ฮั่น หลังจากที่การตรวจพบประชาชนติดเชื้อจากในชุมชนครั้งแรกในรอบปี โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทางการจีนพบผู้ป่วยใหม่ที่ติดเชื้อจากในชุมชนทั้งหมดเจ็ดรายในกลุ่มแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองซึ่งทางการจีนได้สั่งให้ประชาชนงดออกนอกเคหสถาน ตัดการคมนาคมระหว่างเมือง และ เร่งปูพรมตรวจหาเชื้อประชาชน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ขณะเดียวกันประเทศจีนพบผู้ป่วยรายใหม่เป็นจำนวน 61 ราย หลังจากที่การจีนพบพนักงานทำความสะอาดสนามบินในนครหนานกิง และเป็นต้นเหตุให้โควิดสายพันธุ์เดลต้าแพร่ระบาดไปยังหลายพื้นที่ในประเทศจีน
มินอ่องหล่าย ประกาศแต่งตั้งตัวเองเป็น นายกรัฐมนตรี หลังจากที่เขาและกองทัพก่อรัฐประหาร จนนำไปสู่เหตุความรุนแรง เมื่อช่วงเดือนกุมภาฯที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม สำนักข่าว อัลจาซีร่า รายงานว่า พล.อ.มินอ่องหล่าย ได้ประกาศว่าเขาจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่เขาและกองทัพได้ทำการก่อรัฐประหารต่อรัฐบาลของนางอองซานซูจี เมื่อประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยนอกจากนี้ทางรัฐบาลยังได้ประกาศขยายการใช้สภาวะฉุกเฉินเป็นสองปีหรือถึงสิงหาคมปี 2566 จากเดิมที่เขาเคยประกาศว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวเพียงปีเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้นำเมียนมา ให้คำมั่นสัญญาอีกครั้งว่าจะมีการเลือกตั้งแบบหลายพรรคอย่างแน่นอน และตั้งเป้าจะฟื้นฟูประชาธิปไตย นอกจากนั้นเขายังพร้อมจะให้ความร่วมมือกับผู้แทนพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอาเซียนด้วย
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ได้ก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่านาง อองซานซูจี โกงการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือน พฤศจิกายน 2563 และนำไปสู่เหตุการชุมนุมประท้วงกองทัพอยู่หลายครั้ง ซึ่งทางกองทัพได้ใช้ความรุนแรงปราบปราบผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุใหม้ผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 700 ศพ นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่ามีประชาชนถูกจับกุมแล้วกว่า 5 พันคน ซึ่งในจำนวนผู้ถูกจับกุมนั้นมีนักข่าวรวมอยู่ด้วยกว่า 70 คน
CDC เผยเอกสาร ‘โควิดเดลต้า’ แพร่เชื้อได้ง่ายเท่า ‘อีสุกอีใส’
กลายเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง หลังจากที่ CDC เผยแพร่เอกสารที่ระบุว่า โควิดเดลต้า แพร่เชื้อได้ง่ายเท่ากับโรคอีสุกอีใส แนะบังคับ ปชช. ฉีดวัคซีนทุกคน เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคหรือ CDC ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้รายงานถึงโควิดสายพันธุ์เดลต้า หรือ โควิดสายพันธุ์อินเดียว่าสามารถแพร่เชื้อโควิดได้ง่ายเทียบเท่ากับโรคสุใส
โควิดสายพันธ์เดลต้า มีค่า R0 หรือค่าเฉลี่ยของการแพร่ระบาด ผู้ติดเชื้อคนนึง จะกระจายเชื้อต่อไปยังผู้อื่นได้กี่คน ในเอกสารบอกว่า พอๆกับสุกใส โดยอีสุกอีใสค่า R0 8-9 ประมาณว่า ผู้ติดเชื้อหนึ่งราย จะแพร่ต่อได้อีก เฉลี่ย 8-9 ราย
ในเอกสารยังได้เปรียบเทียบด้วยว่า อัตราที่โควิดสายพันธุ์ดังกล่าวจะแพร่เชื้อไปยังประชาชนที่ฉีดวัคซีนและยังไม่ฉีดวัคซีนมีความใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนจะมีความปลอดภัยกว่าประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 และสามารถลดอาการป่วยรุนแรงได้ถึงร้อยละ 90
จากเอกสารดังกล่าวยังพบอีกว่าโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวยังสามารถทำให้ผู้ป่วยแสดงอาการรุนแรงได้ง่ายกว่าโควิดทั่วไป เนื่องด้วยสาเหตุดังกล่าวทำให้ทาง CDC ได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนมาตรการสำหรับประชาชน โดยทาง CDC แนะนำให้ประชาชนที่แม้จะฉีดวัคซีนครบโดสแล้วให้สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ร่ม นอกจากนี้ทาง CDC ยังแนะนำให้นักเรียนและครูสวมหน้ากากตลอดเวลาในขณะอยู่ที่โรงเรียน
โดยทาง CDC กล่าวว่าพวกเขารู้ว่ามาตรการที่เขาใช้ถือเป็นมาตรการที่รุนแรง แต่ทาง CDC เชื่อว่ามาตรการที่รุนแรงคือสิ่งที่จำเป็นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดเชื้อสายดังกล่าว
ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯยังได้ยอมรับด้วยว่า สงครามได้เปลี่ยนไปแล้ว และแนะนำให้การฉีดวัคซีนโควิดเป็นข้อบังคับ
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง